PR

StashAway เปิดตัว “Thematic Portfolio” ชู 4ธีมลงทุนในเทรนด์แห่งอนาคต พร้อมนำเทคโนโลยีระดับโลกช่วยสร้างสมดุลพอร์ตอัตโนมัติ

001.StashAway-Thematic-Banner2-TH

StashAway สตาร์ทอัพWealthTech ชั้นนำของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เปิดตัว “Thematic Portfolio” เพิ่มโอกาสการลงทุนกองทุนแบบ Thematic ในธุรกิจที่มีศักยภาพเติบโตสูงทั่วโลกบนรูปแบบพอร์ตที่บริหารด้วยเทคโนโลยีระดับโลก คัดสรร 4ธีมนวัตกรรมที่จะขับเคลื่อนโลกในอนาคต ได้แก่ Technology Enablers – The Future of Consumer Tech – Healthcare Innovation และ Environment and CleanTech ตอบโจทย์นักลงทุนที่เน้นสร้างผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว เผยทั่วโลกสนใจการลงทุนแบบ Thematic มากขึ้น ทำให้มูลค่าสินทรัพย์ในกองทุน Thematic เติบโตเฉลี่ยปีละ 37% นับตั้งแต่ปี 2561 ชูจุดเด่นเน้นลงทุนในกองทุน ETF ที่คัดสรรจากบริษัทจัดการกองทุนชั้นนำของโลก อาทิ ARK Invest, iShares by BlackRock, Global X และ VanEck พร้อมนำเทคโนโลยีบริหารการลงทุนระดับโลกช่วยบริหารความเสี่ยงให้พอร์ตเติบโตได้อย่างสมดุลด้วยค่าธรรมเนียมบริหารจัดการต่ำเพียง 0.2%-0.8% ต่อปี

 

นายเฟรดดี้ลิม ผู้ร่วมก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการลงทุนของกลุ่ม StashAway สตาร์ทอัพWealthTech ผู้พัฒนาแพลตฟอร์มบริหารการลงทุนจากสิงคโปร์ เปิดเผยว่า บริษัทได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ “Thematic Portfolio”ที่ตอบโจทย์การลงทุนในกลุ่มธุรกิจที่เป็นเทรนด์แห่งอนาคต (Thematic Investing) ด้วยการคัดสรรกองทุน ETF (Exchange Traded Fund) ที่ลงทุนในนวัตกรรมต่างๆ จากทั่วโลกมาจัดเป็น 4ธีมการลงทุนที่สอดคล้องกับเทรนด์แห่งอนาคตและจะเป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญของระบบเศรษฐกิจในระยะยาว เพื่อเพิ่มโอกาสสร้างผลตอบแทนการจากเติบโตของนวัตกรรมเหล่านี้โดยมีเทคโนโลยีช่วยควบคุมระดับความเสี่ยงและสร้างสมดุลพอร์ตให้เหมาะกับนักลงทุนแต่ละบุคคล

 

เบื้องต้น StashAway ได้เปิดตัว Thematic Portfolio ภายใต้ 4ธีมการลงทุนแรก ได้แก่1. Technology Enablers (เทคโนโลยีโครงสร้างพื้นฐานแห่งอนาคต)มุ่งลงทุนในกลุ่มธุรกิจ AI บล็อกเชน คลาวด์คอมพิวติ้งโรโบติกส์ และเซมิคอนดักเตอร์ ซึ่งจะเป็นเทคโนโลยีโครงสร้างพื้นฐานสำคัญในการต่อยอดสร้างสรรค์นวัตกรรมต่างๆ ในอนาคต2. The Future of Consumer Tech (นวัตกรรมที่จะเปลี่ยนแปลงไลฟ์สไตล์คนทั่วโลก)มุ่งลงทุนในกลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่จะเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตผู้บริโภคให้สะดวกสบายและเชื่อมโยงกันง่ายขึ้น เช่น ธุรกิจอีคอมเมิร์ซ ธุรกิจเกมมิ่ง เทคโนโลยีทางการเงิน (FinTech)

 

  1. Healthcare Innovation (นวัตกรรมที่จะพลิกโฉมวงการแพทย์)มุ่งลงทุนในกลุ่มธุรกิจนวัตกรรมด้านการแพทย์ เช่น ไบโอเทค จีโนมิกส์ อุปกรณ์ทางการแพทย์ เภสัชกรรม ที่จะเข้ามาช่วยเปลี่ยนแปลง บำรุง และฟื้นฟูให้ผู้คนมีสุขภาพที่ดีอย่างต่อเนื่อง และ 4. Environment and Cleantech (เทคโนโลยีเพื่อสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืน)มุ่งลงทุนในกลุ่มธุรกิจด้านเทคโนโลยีพลังงานสะอาดต่างๆ ที่จะเข้ามาแก้ปัญหาสภาวะโลกร้อนอย่างเร่งด่วนและยกระดับการดูแลสิ่งแวดล้อมให้ได้อย่างยั่งยืน อาทิ เทคโนโลยีพลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลม และระบบบำบัดของเสีย

 

นับตั้งแต่ปี 2561 เป็นต้นมา มูลค่าสินทรัพย์ในกองทุน Thematic ทั่วโลกเติบโตเฉลี่ย 37% ต่อปี และเติบโตถึง 77% ในปี 2563 เพียงปีเดียว สะท้อนให้เห็นว่านักลงทุนทั่วโลกให้ความสนใจกับการลงทุนแบบ Thematic อย่างต่อเนื่อง ในขณะที่ในประเทศไทย ทางเลือกสำหรับการลงทุนแบบ Thematic ยังมีอยู่ค่อนข้างจำกัดและส่วนใหญ่เป็นกองทุนรวมที่เจาะจงเฉพาะอุตสาหกรรมใดอุตสาหกรรมหนึ่ง

004.StashAway-Thematic-4-Themes-TH

ด้าน นายยศกร นิรันดร์วิชย, CFA กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน สแทชอเวย์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า การลงทุนแบบ Thematic มักมีความเสี่ยงสูง เราจึงพัฒนาผลิตภัณฑ์ Thematic Portfolio ที่สามารถบริหารความเสี่ยงได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยทั้ง 4 ธีม มีการกระจายการลงทุนไปยังหลายกลุ่มธุรกิจนวัตกรรม และลงทุนในกองทุน ETF เฉลี่ยธีมละ 7-13 กองทุน โดยเป็น ETF ที่คัดสรรจากบริษัทจัดการกองทุนระดับโลกซึ่งมีความเชี่ยวชาญในการบริหารกองทุนแบบ Thematic โดยเฉพาะ อาทิ ARK Invest, iShares by BlackRock, Global X และ VanEck ซึ่งกองทุน ETF แต่ละตัวมีการกระจายการลงทุนไปยังบริษัทที่มีศักยภาพเติบโตจำนวนมากและสอดคล้องกับกลุ่มธุรกิจนวัตกรรมภายใต้ธีมต่างๆ อาทิ Tesla, Amazon, Intel, Sea, Tencent, Apple, Pfizer, Spotify เพื่อลดความเสี่ยงด้านการกระจุกตัวของการลงทุนแบบ Thematic

 

“นอกจากนี้ยังมีการเพิ่มสัดส่วนของ ‘สินทรัพย์ปรับสมดุล’ เข้าไปในพอร์ต ซึ่งไม่เพียงจะเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารความเสี่ยงแต่ยังทำให้เราสามารถสร้างพอร์ตแบบ Thematic ในระดับความเสี่ยงที่มีให้เลือกมากถึง 7 ระดับ ตามความเหมาะสมของนักลงทุนแต่ละราย นักลงทุนจึงสามารถลงทุนในเทรนด์นวัตกรรมที่เชื่อมั่นบนระดับความเสี่ยงที่เหมาะกับแต่ละบุคคลได้อย่างมั่นใจ” นายยศกร กล่าวเสริม

 

ทั้งนี้ Thematic Portfolio ของ StashAway ยังมีอีกหลากหลายจุดเด่นที่แตกต่างจากตลาดในปัจจุบัน โดยเฉพาะเทคโนโลยี ERAA™หรือ Economic Regime-based Asset Allocationเทคโนโลยีการลงทุนที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล (Data-Driven) จำนวนมหาศาล เพื่อวิเคราะห์และตัดสินใจในการลงทุนและคอยปรับพอร์ตให้เหมาะกับแต่ละภาวะเศรษฐกิจให้อัตโนมัติและรักษาสมดุลพอร์ตในทุกๆ วันให้ตรงกับ StashAway Risk Index (SRI)หรือ ระดับความเสี่ยงที่นักลงทุนแต่ละรายยอมรับได้ ทั้งนี้แพลตฟอร์ม StashAway ยังมีค่าธรรมเนียมต่ำเพียง 0.2-0.8% ต่อปีโดยไม่มีค่าใช้จ่ายแอบแฝงเพิ่มเติม

006.StashAway-Thematic-Phones-TH

สำหรับ StashAwayเป็นสตาร์ทอัพด้าน WealthTech ชั้นนำของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ผู้ให้บริการแพลตฟอร์มบริหารการลงทุนในรูปแบบแอปพลิเคชัน ช่วยให้นักลงทุนเข้าถึงสินทรัพย์ทั่วโลกได้ผ่านการลงทุนใน ETF คุณภาพ โดยมีเทคโนโลยีระดับโลกช่วยบริหารการลงทุนและจัดการความเสี่ยงในทุกภาวะเศรษฐกิจ เปิดให้บริการแล้วใน 5 ประเทศ ได้แก่ สิงคโปร์ มาเลเซีย ฮ่องกง ไทย และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และได้รับความไว้วางใจจากนักลงทุนในกว่า 160 ประเทศทั่วโลก พร้อมทั้งได้รับการสนับสนุนอย่างต่อเนื่องจาก Venture Capital ระดับโลกจนสามารถระดมทุนได้ถึงรอบซีรีส์D มีสินทรัพย์ภายใต้การจัดการเติบโตมากกว่า 3 หมื่นล้านบาทภายในระยะเวลาน้อยกว่า 4 ปี

 

ผู้สนใจลงทุนสามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://www.stashaway.co.th/th-TH/thematic-portfolios

หรือ 02-821-6888และดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน StashAway ได้ทาง App Store และ Play Store





Click to comment

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

To Top