Ninefar

เปิด7 เทคนิคสุดเอ็กซ์คลูซีฟจากญี่ปุ่น “ปั้น”LINE STICKERS ให้ฮิต ติดใจ ขายดีตลอดกาล

ถ้าสังเกตดีๆ ในการใช้เครื่องมือแชททุกวันนี้หลายคนไม่พิมพ์ “ตัวอักษร” แทนสิ่งที่ต้องการสื่อสารแล้ว แต่มักจะเลือกใช้ STICKERS หรือ Emojiเป็นตัวแทนความรู้สึก ความคิด ความต้องการ หรือแม้กระทั่งนำมาใช้บ่งบอกความเป็นตัวตนของผู้ส่ง ส่งผลให้LINE STICKERS ได้รับความนิยมและเติบโตขึ้นอย่างมาก
เหล่าครีเอเตอร์จึงได้ผลิตงานเข้าสู่ตลาดคอนเทนต์เพิ่มขึ้นต่อเนื่องทำให้เกิดการแข่งขันสูง หน้าใหม่ก็หลั่งไหลเข้ามา หน้าเก่าก็ต้องรักษาความนิยมไว้ให้แน่นด้วยการสร้างงานให้เป็น “ตัวเลือกแรก” ของผู้ใช้งานให้ได้

Naito Ryuya,Content Production Teamผู้เชี่ยวชาญจาก LINE Corporation Japan ได้บอกถึง 7 เคล็ดลับสำคัญในการสร้างสรรค์ LINE STICKERS ให้สามารถคว้าใจผู้ใช้งานได้อยู่หมัด เรียกได้ว่าหากคิดงานโดยยึดหลักนี้ รับประกันว่า ยังไงก็ขายได้แน่นอน ได้แก่

 

หากทำได้ครบทั้ง 7 ข้อนี้ รับรองว่าจะเริ่มมีผู้ใช้งานให้ความสนใจซื้อสติกเกอร์ของคุณอย่างแน่นอน แต่หากอยากยกระดับให้ขายดีขึ้นไปอีก ยังจะต้องพัฒนาเพิ่มให้สติกเกอร์ที่ใช้แทนข้อความทั่วๆ ไป ในการทักทาย หรือตอบรับ เพื่อเพิ่มโอกาสการใช้งานให้มากที่สุด และต้องคอยหมั่นดูกระแสว่าอะไร “อิน” อะไร “เอ้าท์” ก็ต้องครีเอทสติกเกอร์ของเราเพิ่ม เพื่อให้ตอบรับกับความต้องการในช่วงเวลานั้นๆ อีกทั้ง ควรสร้างให้สติกเกอร์แสดงออกในแง่บวกเสมอ เพราะสติกเกอร์ที่ถูกใช้งานบ่อยมักเป็นสติกเกอร์ที่แสดงความรู้สึกในแง่บวกมากกว่าแง่ลบที่อาจสร้างความเข้าใจผิดในการใช้งานได้ และสุดท้ายต้องมีจำนวนสติกเกอร์ให้คุ้มค่าสำหรับผู้ซื้อ หนึ่งเซ็ตควรมีสติกเกอร์อย่างน้อย24 ภาพให้เลือก จึงจะเรียกว่าคุ้มค่าแก่การซื้อใช้งานนั่นเอง

เมื่อจับทิศทางคุณสมบัติที่ต้องมีสำหรับสติกเกอร์ขายดีได้แล้ว ก็ต้องหันมามองเทรนด์ผู้บริโภคกันด้วย                             ปัจจุบันเทรนด์ที่กำลังมาแรงที่ญี่ปุ่นและเชื่อว่าจะเป็นเทรนด์สากลได้ คือ คาแรกเตอร์ที่แสดงท่าทางเกินจริง ทั้งแบบภาพนิ่งและเคลื่อนไหว แทนสติกเกอร์ที่ไม่มีข้อความ ซึ่งสติกเกอร์แนวนี้กำลังขายดีอย่างมากในญี่ปุ่น เพราะสื่อความหมายทางท่าทางได้ชัดเจน ตรงไปตรงมา ในหลากหลายสถานการณ์ แถมยังช่วยลดข้อจำกัดทางด้านวัฒนธรรมที่แตกต่างในแต่ละชาติ ซึ่งหมายความว่าจะทำให้สติกเกอร์นั้นๆ ขายได้ในตลาดสากลอีกด้วย

เคล็ดลับเหล่านี้จึงเป็นยิ่งกว่า “คัมภีร์” ให้เหล่าครีเอเตอร์ไทย นำไปปรับใช้กับการคิดงานของตัวเองได้มากขึ้นอย่างแน่นอน ในทางกลับกันเชื่อว่าผู้ใช้งานคงจะต้องกุมขมับหนักกว่าเก่า เพราะน่าจะเลือกไม่ถูกว่าควรซื้อสติกเกอร์ตัวไหนดีปัดแล้วปัดอีก ก็มัน “โดนใจ” ไปซะหมดเลยนี่นา

 

# # #