PR

ซัมซุงปลดล็อกภาคธุรกิจไทยสู่Next Mobile Economy ส่งผลิตภัณฑ์และโซลูชั่นครบวงจรเพื่อองค์กรทุกขนาด

ดร.มารุต มณีสถิตย์2
  • ซัมซุงเผยกลยุทธ์ปลดล็อกภาคธุรกิจไทยด้วยผลิตภัณฑ์และโซลูชั่นที่ครบครัน ให้ทุกอุตสาหกรรมขับเคลื่อนสู่ยุคเศรษฐกิจใหม่ด้วยการร่วมมือกับพาร์ทเนอร์ผู้ให้บริการโซลูชั่นระดับโลก
  • ครองตำแหน่งผู้นำอันดับหนึ่งในตลาดธุรกิจสำหรับองค์กร ด้วยส่วนแบ่งตลาดกว่า 50 เปอร์เซ็นต์2โดยเฉพาะกลุ่มสมาร์ทโฟนระดับพรีเมี่ยมที่เติบโตขึ้นถึง3 เท่า
  • เผยแนวโน้มปีหน้ายังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องด้วยการวางแผนบุกตลาดธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMB)

 

กรุงเทพฯ (9ตุลาคม2562)ซัมซุง ประกาศกลยุทธ์กลุ่มธุรกิจลูกค้าองค์กร พร้อมปลดล็อกการเติบโตขององค์กรธุรกิจในประเทศไทยให้ไปสู่การทำงานบนระบบโมบายล์อย่างเต็มรูปแบบ โดยการนำเสนอโซลูชั่นจากพาร์ทเนอร์ระดับโลก ที่จะมาช่วยยกระดับการทำงานให้ครอบคลุมระบบนิเวศดิจิตอลที่ซับซ้อนในปัจจุบัน รวมถึงเผยข้อมูลการเติบโตอย่างก้าวกระโดดของธุรกิจลูกค้าองค์กรที่โตขึ้นถึง 27 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา พร้อมแนวโน้มการเติบโตในอนาคต

 

ดร.มารุตมณีสถิตย์ผู้อำนวยการกลุ่มธุรกิจลูกค้าองค์กรธุรกิจโทรคมนาคมและไอทีบริษัท ไทยซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ จำกัดกล่าวว่า “กลยุทธ์ของปีนี้คือUnlock Next Mobile Economy”หรือเรียกได้ว่าการที่โมบายล์เทคโนโลยีถูกผนึกเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในการดำเนินธุรกิจ ซึ่งเป็นความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่องค์กรต้องคำนึงถึงเพื่อเตรียมรับมือกับความท้าทายใหม่ๆ เนื่องจากสมาร์ทโฟนไม่ได้เป็นเพียงเครื่องมือสื่อสารแค่อย่างเดียวอีกต่อไป แต่ยังสามารถนำมาใช้ในธุรกิจด้านอื่นๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานและเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับองค์กรด้วย”

 

ปัจจุบันนี้ ซัมซุงถือเป็นแบรนด์ที่มีความพร้อมมากที่สุดในการส่งเสริมให้องค์กรธุรกิจสามารถปรับตัวและต่อยอดความสร้างสรรค์ในการทำงานเพื่อเข้าสู่ยุคโมบายล์อย่างเต็มขั้น โดยมี 3 ปัจจัยหลัก ประกอบด้วย 1. ความเป็นผู้นำอันดับหนึ่งในด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยี 2. มีความพร้อมในด้านโมบายล์โซลูชั่นและผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายสำหรับองค์กร 3.ทำงานร่วมกับพาร์ทเนอร์ระดับโลกเพื่อให้ธุรกิจมีแพลตฟอร์มที่เหมาะสม ช่วยกระตุ้นให้เกิดผลลัพธ์ทางธุรกิจในยุคที่มือถือมีความสำคัญมากที่สุดได้

 

ส่งเสริมความร่วมมือกับพันธมิตรระดับโลก

ในมุมมองของผู้ประกอบการ เจ้าของธุรกิจ รวมถึงองค์กรขนาดใหญ่ย่อมเข้าใจถึงความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น และรู้ดีว่าการปรับตัวให้ทันต่อสถานการณ์เป็นเรื่องสำคัญแค่ไหน ดังนั้นการปรับเปลี่ยนองค์กรสู่การทำงานบนระบบโมบายล์คือสิ่งที่จะทำให้องค์กรทุกขนาดเท่าทันกับความก้าวหน้าของเทคโนโลยี จึงเป็นเหตุผลให้ซัมซุงจับมือกับพาร์ทเนอร์ระดับโลก อาทิ

  1. Simplr: โซลูชั่นด้านโลจิสติกส์แบบครบวงจร ให้บริการตั้งแต่ให้คำปรึกษา วางแผน จัดเก็บและเคลื่อนย้ายสินค้าในโรงงาน เหมาะสำหรับอุตสาหกรรมโรงงานและธุรกิจค้าปลีก
  2. Wacom: โซลูชั่นที่ให้บริการระบบลายเซ็นอิเลคโทรนิคส์สำหรับการยืนยันตัวตนเพื่อความปลอดภัยของคู่ค้าในการทำธุรกรรม
  3. SmartPesa: ผู้ให้บริการโซลูชั่นสำหรับชำระเงินที่หลากหลายเพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้ธุรกิจต่างๆรวมถึงการเปลี่ยนสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ตที่มีNFCให้กลายเป็นบริการชำระเงินอิเลคโทรนิคส์แบบ Contactless Payment ที่คล่องตัว
  4. Vault: โซลูชั่นการสื่อสารบน Samsung Galaxy Watchที่ออกแบบมาเพื่อการปกป้องและจัดงานระบบการทำงานของบุคลากรในองค์กร อาทิ การทำงานที่มีความเสี่ยงบนที่สูง หรือการทำงานที่ต้องเดินทางไกล เป็นต้น

 

“ทั้งนี้เพื่อร่วมกันผลักดันภาคธุรกิจในการปรับตัวเข้าสู่เศรษฐกิจใหม่ที่ขับเคลื่อนด้วยโมบายล์เทคโนโลยี ซึ่งปีที่ผ่านมาเห็นได้อย่างชัดเจนว่าองค์กรขนาดใหญ่ในประเทศไทยได้ปรับตัวเข้าสู่ยุค Next Mobile Economy เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยกลุ่มลูกค้าองค์การธุรกิจของซัมซุงที่มีการนำโมบายล์เทคโนโลยีไปใช้งานสูงสุดตามลำดับ ได้แก่ การเงินธนาคาร ธุรกิจค้าปลีก โลจิสติกส์ หน่วยงานภาครัฐ และอื่นๆ”

 

การเติบโตของตลาดลูกค้าองค์กร

สำหรับตลาดลูกค้าองค์กรของซัมซุงในปีที่ผ่านมามีอัตราการเติบโตสูงขึ้น 27 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับปี 2018ในช่วงเวลาเดียวกัน โดยซัมซุงครองส่วนแบ่งด้านการตลาดลูกค้าองค์กรเป็นอันดับหนึ่งสูงถึง 50 เปอร์เซ็นต์ แบ่งเป็นแท็บเล็ต35 เปอร์เซ็นต์ และสมาร์ทโฟน 65 เปอร์เซ็นต์ที่น่าสนใจคือส่วนแบ่งด้านการตลาดของสมาร์ทโฟนในเซกเมนต์พรีเมี่ยมเพิ่มขึ้นเป็น 3 เท่าเมื่อเทียบกับปี 2018 ส่วนกลุ่มอื่นๆ มีความใกล้เคียงกัน แสดงให้เห็นว่าลูกค้าองค์กรเปลี่ยนมาใช้สมาร์ทโฟนระดับพรีเมี่ยมจากซัมซุงกันมากขึ้น

 

ทั้งนี้ ปัจจัยความสำเร็จในปีที่ผ่านมาเกิดขึ้นจากการบุกตลาดอย่างหนักของซัมซุง และความร่วมมือที่แข็งแกร่งกับผู้ให้บริการเครือข่ายทุกรายและเป็นผลมาจากการวิจัยและพัฒนาสมาร์ทโฟนให้เหมาะสมกับรูปแบบการใช้งานที่หลากหลายเพื่อตอบรับความต้องการของธุรกิจทุกขนาดและทุกอุตสาหกรรม

 

นอกจากนี้ ยังโดดเด่นในด้านการรักษาความปลอดภัยข้อมูล “ซัมซุง น๊อกซ์” (Samsung Knox) มาตรฐานความปลอดภัยขั้นสูงสุดด้วยเทคโนโลยีเทียบเท่ากับที่ใช้ในการทหาร อีกทั้งยังมีบริการหลังการขาย “ซัมซุง เซอร์วิส” และการเปิดอบรมการใช้งานพื้นฐานที่จำเป็นต่อองค์กรนั้นๆ เพื่อให้กลุ่มลูกค้าองค์กรธุรกิจสามารถมั่นใจได้ว่าจะได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุดจากการใช้งานสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตของซัมซุง

 

“ซัมซุงให้ความสำคัญกับการขยายกลุ่มธุรกิจลูกค้าองค์กรเป็นอย่างมาก เพื่อช่วยสนับสนุนให้ทุกธุรกิจในประเทศไทยสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น และในเร็วๆ นี้ เรายังวางแผนที่จะบุกตลาดธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMB) ต่อไปอีกด้วย” ดร.มารุต กล่าวทิ้งท้าย

ดร.มารุต มณีสถิตย์ ดร.มารุต มณีสถิตย์2

### # #

 





Click to comment

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

To Top