Ninefar

คาดการณ์การโจมตีรูปแบบใหม่ “Destruction of Servicec (DeOS)” มีการขยายตัวและส่งผลกระทบของภัยคุกคามเพิ่มขึ้น

อุตสาหกรรมหลักต้องปรับปรุงการรักษาความปลอดภัย ขณะที่เทคโนโลยีสารสนเทศและเทคโนโลยี
ส่วนปฏิบัติการถูกรวมเข้าด้วยกัน

กรุงเทพฯ, 26 กรกฎาคม 2560 ซิสโก้ (NASDAQ: CISCO) เผยแพร่รายงานไซเบอร์ซีเคียวริตี้ประจำกลางปี 2560 (2017 Midyear Cybersecurity Report – MCR) ซึ่งระบุถึงพัฒนาการที่รวดเร็วของภัยคุกคามและการโจมตีหลากหลายรูปแบบที่เพิ่มมากขึ้น ทั้งยังคาดการณ์เกี่ยวกับการโจมตีแบบ “Destruction of Service” (DeOS) ที่มุ่งเป้าไปที่การทำลายระบบเพื่อไม่ให้ผู้ถูกโจมตีสามารถกู้คืนระบบหรือกู้คืนข้อมูลได้ นอกจากนี้ การเกิดขึ้นของ Internet of Things (IoT) ส่งผลให้อุตสาหกรรมหลักๆ ดำเนินงานผ่านระบบออนไลน์เพิ่มมากขึ้น ขณะเดียวกันก็ทำให้ช่องทางการโจมตีและผลกระทบจากภัยคุกคามเพิ่มขึ้นตามไปด้วย

 

การโจมตีทางไซเบอร์ที่เกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ เช่น กรณีของ WannaCry และ Nyetya แสดงให้เห็นถึงการแพร่กระจายอย่างรวดเร็วและผลกระทบในวงกว้างของการโจมตี ซึ่งอาจดูเหมือนมัลแวร์เรียกค่าไถ่ทั่วไป แต่ที่จริงแล้วมีอานุภาพทำลายล้างเพิ่มขึ้นอย่างมาก  กรณีดังกล่าวบ่งบอกถึงการโจมตีรูปแบบใหม่ที่ซิสโก้เรียกว่า Destruction of Service (DeOS)  ซึ่งอาจสร้างความเสียหายอย่างรุนแรงจนทำให้องค์กรธุรกิจไม่สามารถกู้คืนระบบที่ใช้ในการดำเนินงานได้เลย

 

Internet of Things ขยายโอกาสใหม่ๆ ให้แก่อาชญากรไซเบอร์อย่างต่อเนื่อง ทั้งยังมีจุดอ่อนด้านความปลอดภัย ซึ่งจะส่งผลให้การโจมตีทางไซเบอร์มีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้น การใช้บ็อตเน็ต IoT ที่เกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้เผยให้เห็นว่า คนร้ายอาจกำลังวางรากฐานสำหรับการโจมตีทางไซเบอร์ที่ส่งผลกระทบรุนแรงเป็นวงกว้างจนอาจทำให้เครือข่ายอินเทอร์เน็ตหยุดชะงัก

 

การประเมินประสิทธิภาพของระบบรักษาความปลอดภัยเพื่อรับมือกับการโจมตีเหล่านี้ถือเป็นเรื่องจำเป็นอย่างยิ่ง โดยซิสโก้ได้ทำการตรวจสอบติดตามความคืบหน้าในการลดระยะเวลาที่ใช้ในการตรวจจับภัยคุกคามหลังจากที่ถูกโจมตี หรือ “Time to Detection” (TTD)  ทั้งนี้ องค์กรต่างๆ จำเป็นที่จะต้องตรวจจับภัยคุกคามให้ได้เร็วที่สุด เพื่อจำกัดพื้นที่ปฏิบัติการของการโจมตี และลดความเสียหายที่เกิดขึ้นจากการบุกรุกเครือข่ายขององค์กร  ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2558 เป็นต้นมา ซิสโก้สามารถลด TTD โดยเฉลี่ยจาก 39 ชั่วโมงให้เหลือเพียง 3.5 ชั่วโมงในช่วงระยะเวลาตั้งแต่พฤศจิกายน 2559 ถึงพฤษภาคม 2560  ตัวเลขนี้อ้างอิงข้อมูลที่เก็บรวบรวมจากผลิตภัณฑ์ด้านการรักษาความปลอดภัยของซิสโก้ที่ติดตั้งไว้ภายในองค์กรต่างๆ ทั่วโลก

 

สถานการณ์ภัยคุกคาม: เทคนิคที่ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นและลดลง

คณะนักวิจัยด้านความปลอดภัยของซิสโก้ได้เฝ้าดูพัฒนาการของมัลแวร์ในช่วงครึ่งแรกของปี 2560 และพบว่ามีการเปลี่ยนแปลงในแง่ของเทคนิคการแพร่กระจาย การหลีกเลี่ยง และการบุกรุก กล่าวอย่างเฉพาะเจาะจงก็คือ ซิสโก้พบว่ามีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้นที่ผู้โจมตีจะหลอกล่อให้เหยื่อคลิกที่ลิงค์หรือเปิดไฟล์เพื่อเรียกใช้งานมัลแวร์  นอกจากนี้ยังมีการพัฒนามัลแวร์แบบไม่มีไฟล์ที่ฝังตัวอยู่ในหน่วยความจำ และยากแก่การตรวจจับหรือตรวจสอบ เพราะมัลแวร์จะถูกลบออกเมื่อมีการรีสตาร์ทอุปกรณ์  ยิ่งไปกว่านั้น คนร้ายพึ่งพาโครงสร้างพื้นฐานที่ไม่ระบุตัวตนและไม่มีการรวมศูนย์ เช่น บริการพร็อกซี่ Tor เพื่อซ่อนเร้นกิจกรรมสั่งการและควบคุม

 

ซิสโก้พบว่าการใช้ชุดเครื่องมือเจาะระบบมีแนวโน้มลดลง ขณะที่วิธีการโจมตีแบบเดิมๆ เริ่มถูกนำกลับมาใช้:

 

 

 

อุตสาหกรรมต่างๆ เผชิญปัญหาความท้าทายร่วมกัน

ปัจจุบัน กลุ่มอาชญากรพัฒนาการโจมตีให้มีความซับซ้อนและรุนแรงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง องค์กรธุรกิจในอุตสาหกรรมต่างๆ จึงต้องรับมือกับความท้าทายในการปรับปรุงระบบรักษาความปลอดภัยขั้นพื้นฐานเพื่อก้าวให้ทันกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนไป  ขณะที่เทคโนโลยีสารสนเทศ (Information Technology – IT) และเทคโนโลยีส่วนปฏิบัติการ (Operational Technology – OT) ผสานรวมเข้าด้วยกันบน Internet of Things องค์กรต่างๆ ก็ประสบปัญหาเรื่องความซับซ้อนของระบบและความสามารถในการตรวจสอบ  ในการศึกษาเกี่ยวกับความสามารถด้านการรักษาความปลอดภัย (Security Capabilities Benchmark Study) ซิสโก้ได้สำรวจความคิดเห็นของผู้บริหารฝ่ายรักษาความปลอดภัยเกือบ 3,000 คนใน 13 ประเทศ และพบว่าในทุกกลุ่มอุตสาหกรรม ทีมงานด้านการรักษาความปลอดภัยต้องรับมือกับการโจมตีที่มีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้หลายๆ องค์กรจำเป็นต้องใช้แนวทางการรักษาความปลอดภัยในลักษณะตั้งรับมากขึ้น

 

 

ประเด็นสำคัญสำหรับแต่ละกลุ่มอุตสาหกรรมมีดังนี้:

 

 

คำแนะนำจากซิสโก้สำหรับองค์กรต่างๆ

เพื่อรับมือกับผู้โจมตีที่ใช้เทคโนโลยีก้าวล้ำเพิ่มมากขึ้น องค์กรต่างๆ จำเป็นที่จะต้องปรับใช้แนวทางเชิงรุกเพื่อป้องกันการโจมตี โดยกลุ่มธุรกิจการรักษาความปลอดภัยของซิสโก้มีคำแนะนำดังนี้:

 

สำหรับรายงาน MCR ประจำปี 2560 มีการเชิญกลุ่มพันธมิตรด้านเทคโนโลยีการรักษาความปลอดภัย 10 รายให้เข้าร่วมแบ่งปันข้อมูล เพื่อหาข้อสรุปร่วมกันเกี่ยวกับสถานการณ์ภัยคุกคาม  พันธมิตรที่ร่วมจัดทำรายงานฉบับนี้ได้แก่ Anomali, Flashpoint, Lumeta, Qualys, Radware, Rapid7, RSA, SAINT Corporation, ThreatConnect และ TrapX  เครือข่ายพันธมิตรด้านเทคโนโลยีการรักษาความปลอดภัยของซิสโก้ถือเป็นองค์ประกอบสำคัญในวิสัยทัศน์ของซิสโก้สำหรับการนำเสนอระบบรักษาความปลอดภัยที่เรียบง่าย เปิดกว้าง และทำงานแบบอัตโนมัติให้แก่ลูกค้า