PR

มาสเตอร์การ์ด ร่วมกับ ซัมซุงเพย์ นำประเทศไทยไปสู่สังคมไร้เงินสด

Mastercard_samsung

ผู้ถือบัตรมาสเตอร์การ์ดในประเทศไทยสามารถร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการชำระเงินผ่านโทรศัพท์มือถือ

อย่างง่ายดายและปลอดภัยได้แล้ววันนี้กับซัมซุงเพย์

กรุงเทพฯ  (8 กุมภาพันธ์ 2560) – วันนี้มาสเตอร์การ์ด ร่วมกับ ซัมซุง ประกาศการใช้งานของซัมซุงเพย์อย่างเป็นทางการในประเทศไทย โดยความร่วมมือในครั้งนี้จะทำให้ผู้ถือบัตรมาสเตอร์การ์ดในประเทศไทยสามารถทำธุรกรรมทางการเงินผ่านโทรศัพท์มือถือซัมซุงได้อย่างรวดเร็วและปลอดภัย

 

มาสเตอร์การ์ดเล็งเห็นถึงความสำคัญของการสร้างเสริมความมั่นคงแก่เทคโนโลยีทางการเงิน หรือ ฟินเทคในประเทศไทย และสร้างความมั่นใจว่าธุรกิจและผู้บริโภคจะสามารถปรับตัวไปพร้อมๆกับเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ดังนั้น มาสเตอร์การ์ดจึงทำงานอย่างใกล้ชิดกับพันธมิตรทางธนาคาร ไม่ว่าจะเป็น ธนาคารกรุงเทพ บริษัทบัตรกรุงศรี เซ็นทรัลการ์ด ซิตี้แบงค์ เคทีซี และธนาคารไทยพาณิชย์ ในการขยายการใช้กระเป๋าเงินทางมือถือหรือ Mobile Wallet ที่เหมาะสมกับการใช้งานของผู้บริโภคและทำให้ธุรกรรมเกิดขึ้นได้อย่างปลอดภัยในเวลาเดียวกัน

 

ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ผู้ถือบัตรมาสเตอร์การ์ดสามารถใช้บริการซัมซุงเพย์อย่างง่ายดายผ่านโทรศัพท์มือถือของซัมซุงที่รองรับการใช้งานของซัมซุงเพย์ โดยจะเลือกทำธุรกรรมกับบัตรเครดิตจากมาสเตอร์การ์ดใบล่าสุดที่ใช้งาน สแกนรอยนิ้วมือ และอนุมัติการใช้จ่ายได้ทันที สำหรับโทรศัพท์มือถือซัมซุงที่รองรอบซัมซุงเพย์ได้แก่ Samsung Galaxy S7, S7 edge, S6 edge+, Note5, A7 (2016), A5 (2016), โดยผู้ที่ซื้อโทรศัพท์มือถือซัมซุงรุ่น A7 และ A5 ตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2559 เป็นต้นไปจะได้รับเงินคืนจำนวน 1,500 บาท ผ่านบัตร Galaxy Gift Card Prepaid Mastercard ที่สามารถใช้งานได้แบบเดียวกับบัตรเครดิตมาสเตอร์การ์ดทั่วไป หลังลงทะเบียนในแอปพลิเคชั่น Galaxy Gift ภายในวันที่ 31 มีนาคม 2560 นี้

 

ซัมซุงเพย์เกิดขึ้นได้โดยอาศัยเทคโนโลยี The Mastercard Digital Enablement Service (MDES) ซึ่งก็คือแพลตฟอร์มจากมาสเตอร์การ์ดที่ทำให้โทรศัพท์มือถือของซัมซุงกลายเป็นอุปกรณ์ทำธุรกรรมทางการเงินแบบไร้สัมผัสได้อย่างปลอดภัย โดยผู้ถือบัตรมาสเตอร์การ์ดที่ทำธุรกรรมผ่านซัมซุงเพย์จะได้รับการปกป้องและสิทธิประโยชน์เหมือนกับการใช้บัตรมาสเตอร์การ์ดจ่ายโดยตรง ซึ่งถือเป็นประโยชน์สำหรับทั้งผู้บริโภคและร้านค้า

 

นายวิชัย พรพระตั้ง รองประธานองค์กร ธุรกิจโทรคมนาคมและไอที บริษัทไทยซัมซุง อิเล็กทรอนิกส์ กล่าวว่า “เมื่อประมาณสามเดือนที่แล้ว เราเปิดตัวซัมซุงเพย์ในประเทศไทยเพื่อมอบโซลูชั่นการชำระเงินผ่านโทรศัพท์มือถือที่ง่าย ปลอดภัยและสามารถใช้ได้เกือบทุกที่ ดังนั้นซัมซุงเพย์จึงได้รับการต้อนรับที่อบอุ่นจากผู้บริโภคชาวไทย ซึ่งมองว่าบริการจากซัมซุงเพย์เป็นวิธีการชำระเงินที่สะดวกและปลอดภัย ด้วยซัมซุงเพย์ ผู้บริโภคเหล่านี้ไม่จำเป็นต้องถือเงินสดหรือบัตรเครดิต ทำให้ปลอดภัยต่อการโจรกรรม นอกจากนั้น ซัมซุงเพย์ยังสนับสนุนแนวคิดสังคมไร้เงินสดที่ได้รับความสนใจจาก  ทั่วโลกในขณะนี้ ถึงแม้บริการกระเป๋าเงินดิจิตอลยังคงเป็นแนวคิดใหม่ของผู้บริโภคส่วนใหญ่ในประเทศไทย แต่ซัมซุงเพย์กลับได้รับการตอบรับที่ดีภายในระยะเวลาเพียงแค่สามเดือนหลังจากการเปิดตัว ทั้งนี้ ผลสำรวจล่าสุดแสดงให้เห็นว่ากระเป๋าเงินดิจิตอลมอบทั้งความปลอดภัยและความสะดวกเมื่อใช้จ่าย และผู้บริโภคชาวไทยให้ความสำคัญแก่ความปลอดภัยมากกว่าความสะดวกอีกด้วย ผู้บริโภคเหล่านี้จึงมีแนวโน้มที่จะใช้กระเป๋าเงินดิจิตอลหากพวกเขามีความมั่นใจต่อระบบความปลอดภัย ความปลอดภัยของซัมซุงเพย์ได้รับความสนใจจากสถาบันการเงินมากมาย โดยสถาบันเหล่านี้ได้มอบสิทธิพิเศษให้แก่ผู้ใช้ซัมซุงเพย์อีกด้วย

 

มร. แอนโทนิโอ คอร์โร ผู้จัดการประจำประเทศ ไทยและเมียนมาร์ มาสเตอร์การ์ด กล่าว “ผลสำรวจการใช้จ่ายผ่านโทรศัพท์มือถือของมาสเตอร์การ์ดในปี 2559 ระบุว่า 64.9% ของผู้ตอบแบบสอบถามชาวไทยยอมรับว่าเคยทำธุรกรรมทางการเงินผ่านสมาร์ทโฟนของพวกเขาอย่างน้อยหนึ่งครั้งในสามเดือนที่ผ่านมา แสดงให้เห็นว่าผู้บริโภคชาวไทยใช้ระบบการชำระเงินบนโทรศัพท์มือถืออย่างสม่ำเสมอ ประกอบกับการขยายตัวของแอพพลิเคชันจากร้านค้าและการบริการทางโทรศัพท์มือถือ จึงทำให้เกิดความจำเป็นที่จะพัฒนากระเป๋าเงินดิจิตอลที่สามารถมอบความปลอดภัยและความสะดวกได้ ดังนั้น แพลตฟอร์มและเทคโนโลยีทางการเงินของมาสเตอร์การ์ดจะทำให้การทำธุรกรรมง่ายและปลอดภัยขึ้น ไม่ว่าธุรกรรมนั้นจะเกิดขึ้นออนไลน์หรือในร้านค้าก็ตาม

 

ทั้งนี้ ผู้ถือบัตรมาสเตอร์การ์ดสามารถวางใจในความปลอดภัยทุกครั้งที่ทำธุรกรรมทางการเงินด้วยระบบความปลอดภัยสามขั้นตอน ได้แก่ ระบบอนุมัติโดยใช้รอยนิ้วมือ ระบบ Tokenisation และ Samsung KNOX ทั้งนี้ การทำธุรกรรมแต่ละครั้งจะแปลงบัญชีข้อมูลส่วนบุคคลให้กลายเป็น Token แล้วจึงนำ Token ไปใช้ในการชำระเงินแทน ทั้งนี้การอนุมัติการชำระเงินยังคงต้องใช้รอยนิ้วมือหรือรหัสลับ (PIN) ในการอนุมัติ นอกจากนี้ ยังมีการติดตามตรวจสอบอุปกรณ์ที่ใช้ในการทำธุรกรรมของผู้ใช้เพื่อให้มั่นใจว่าปลอดภัยจากซอฟต์แวร์ที่เป็นอันตรายและกิจกรรมที่ไม่น่าไว้วางใจอื่นๆ อีกด้วย





Click to comment

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

To Top