ในหลวงรัชการที่ ๙ ทรงงานหนักเพื่

-
ต้องระเบิดจากข้างใน – จะทำการใดๆ ต้องเริ่มจากคนที่เกี่ยวข้องเสี
ยก่อน ต้องสร้างความเข้มแข็ งจากภายในให้เกิดความเข้าใจ และอยากทำ ไม่ใช่การสั่งให้ทำ คนไม่เข้าใจก็อาจจะไม่ทำก็เป็ นได้ ในการทำงานนั้นอาจจะต้องคุย หรือประชุมกับลูกน้อง เพื่อนร่วมงาน หรือคนในทีมเสียก่อน เพื่อให้ทราบถึงเป้าหมายและวิธี การต่อๆ ไป -
แก้ปัญหาจากจุดเล็ก – เมื่อต้องแก้ปัญหา ควรมองปัญหาในภาพรวมก่อนเสมอ แต่เมื่อจะลงมือแก้ปัญหานั้น ควรมองในสิ่งที่คนมักจะมองข้าม แล้วเริ่มแก้ปัญหาจากจุดเล็กๆ ก่อน เมื่อสำเร็จแล้วจึงค่อยๆ ขยับขยายแก้ไปเรื่อยๆ ทีละจุด เราสามารถเอามาประยุกต์ใช้กั
บการทำงานได้โดย มองไปที่เป้าหมายใหญ่ของงานแต่ ละชิ้น แล้วเริ่มลงมือทำจากจุดเล็กๆ ก่อน ค่อยๆ ทำ ค่อยๆ แก้ไปทีละจุด งานแต่ละชิ้นก็จะลุลวงไปได้ ตามเป้าหมายที่วางไว้ -
ทำตามลำดับขั้น – เริ่มต้นจากการลงมือทำในสิ่งที่
จำเป็นก่อน เมื่อสำเร็จแล้วก็เริ่มลงมือสิ่ งที่จำเป็นลำดับต่อๆ ไป ด้วยความรอบคอบ และระมัดระวัง ถ้าทำตามนี้ได้ งานทุกสิ่งก็จะสำเร็จได้โดยง่าย -
ทำงานแบบองค์รวม – ใช้วิธีคิดเพื่อการทำงานโดย วิธีคิดอย่างองค์รวม คือ การมองสิ่งต่างๆ ที่เกิดอย่างเป็นระบบครบวงจร ทุกสิ่งทุกอย่างมีมิติเชื่อมต่
อกัน มองสิ่งที่เกิดขึ้นและแนวทางแก้ ไขอย่างเชื่อมโยง -
ศึกษาข้อมูลให้เป็นระบบ – เมื่อจะลงมือทำงานหรือวางเป้
าหมายต่างๆ ในการทำงาน จะต้องศึกษาข้อมูลทั้งเอกสาร ข้อมูลตัวเลข การสอบถามพูดคุย หรือข้อมูลต่างๆ อย่างรอบด้าน ประกอบเข้าด้วยกัน และจะต้องศึกษาข้อมูลให้ลึกซึ้ง เพื่อนำข้อมูลเหล่านั้นไปใช้ ประโยชน์ได้จริงอย่างถูกต้อง รวดเร็ว และตรงตามความเป้าหมาย -
การมีส่วนร่วม – เปิดโอกาสให้ทุกฝ่ายแสดงความคิ
ดเห็น เพราะความคิดเห็นเหล่านั้นมี ประโยชน์มาก จะสามารถเก็บความคิดทั้งหลายนั้ น มาประมวลเพื่อเป็ นแนวทางในการทำงาน หรือแก้ไขปัญหาต่างๆ ต่อไปได้อย่างดี -
ยึดประโยชน์ส่วนรวม – ในหลวงรัชการที่ ๙ ทรงระลึกถึงประโยชน์ของส่
วนรวมเป็นสำคัญ ดังพระราชดำรัสตอนหนึ่งว่า “…ใครต่อใครบอกว่า ขอให้เสียสละส่วนตัวเพื่อส่ วนรวม อันนี้ฟังจนเบื่อ อาจรำคาญด้วยซ้ำว่า ใครต่อใครมาก็บอกว่าขอให้คิดถึ งประโยชน์ส่วนรวม อาจมานึกในใจว่า ให้ๆ อยู่เรื่อยแล้วส่วนตัวจะได้อะไร ขอให้คิดว่าคนที่ให้เป็นเพื่อส่ วนรวมนั้น มิได้ให้ส่วนรวมแต่อย่างเดียว เป็นการให้เพื่อตัวเองสามารถที่ จะมีส่วนรวมที่จะอาศัยได้…” -
ประหยัด เรียบง่าย ทำให้ง่าย – ใช้หลักในการทำงานที่เรียบง่
ายหรือทำให้ง่าย สามารถทำเองได้ ให้สอดคล้องกับสิ่งที่มีอยู่ โดยไม่ต้องลงทุนสูงหรื อทำอะไรให้ยุ่งยาก ดังพระราชดำรัสตอนหนึ่งว่า “…ให้ปลูกป่าโดยไม่ต้องปลู กโดยปล่อยให้ขึ้นเองตามธรรมชาติ จะได้ประหยัดงบประมาณ…” -
ขาดทุนคือกำไร – หลักการในพระบาทสมเด็จพระเจ้
าอยู่หัวที่มีต่อพสกนิกรไทย “การให้” และ “การเสียสละ” เป็นการกระทำอันมีผลเป็นกำไร คือความอยู่ดีมีสุขของราษฎร -
ความเพียร – การเริ่มต้นทำงาน หรือทำสิ่งใดนั้นอาจจะไม่ได้มี
ความพร้อม ต้องอาศัยความอดทนและความมุ่งมั่ น ดังเช่นพระราชนิพนธ์ “พระมหาชนก” กษัตริย์ผู้เพียรพยายามแม้จะไม่ เห็นฝั่งก็จะว่ายน้ำต่อไป เพราะถ้าไม่เพียรว่ายก็จะตกเป็ นอาหารปู ปลาและไม่ได้พบกับเทวดาที่ช่ วยเหลือมิให้จมน้ำ -
เศรษฐกิจพอเพียง – เป็นปรัชญาที่ในหลวงรัชกาลที่ ๙ พระราชทานพระราชดำรัสชี้
แนะแนวทางการดำเนินชีวิต ให้ดำเนินไปบน “ทางสายกลาง” เพื่อให้รอดพ้นและสามารถดำรงอยู่ ได้อย่างมั่นคงและยั่งยืนภายใต้ กระแสโลกาภิวัตน์และการเปลี่ ยนแปลงต่างๆ ซึ่งปรัชญานี้สามารถนำไปประยุ กต์ใช้ได้ทั้งระดับบุคคล องค์กร และชุมชน -
ไม่ติดตำรา – เมื่อเราจะทำการใดนั้น ควรทำงานอย่างยืดหยุ่นกับสภาพ และสถานการณ์นั้นๆ ไม่ใช่การยึดติดอยู่กับแค่
ในตำราวิชาการ -
ใช้ธรรมชาติช่วยธรรมชาติ – พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หั
วทรงเข้าใจถึงธรรมชาติ และต้องการให้ประชาชนใกล้ชิดกั บทรัพยากรธรรมชาติ ทรงมองปัญหาธรรมชาติอย่างละเอี ยด โดยหากเราต้องการแก้ไขธรรมชาติ จะต้องใช้ธรรมชาติเข้าช่วยเหลือ -
ปลูกป่าในใจคน – การจะทำการใดสำเร็จต้องปลูกจิ
ตสำนึกของคนเสียก่อน ต้องให้เห็นคุณค่า เห็นประโยชน์กับสิ่งที่จะทำ -
บริการรวมที่จุดเดียว – One Stop Service ที่ใช้ในปัจจุบัน ในหลวงรัชกาลที่ 9 ตรัสไว้เกิน 20 ปีมาแล้ว ศูนย์ศึกษาพัฒนาหลายแห่งทั่
วประเทศใช้หลักการนี้ มานานหลายปีแล้ว -
ความซื่อสัตย์สุจริต จริงใจต่อกัน – ผู้ที่มีความสุจริตและบริสุทธ์
ใจ แม้จะมีความรู้น้อย ก็ย่อมทำประโยชน์ให้แก่ส่ วนรวมได้มากกว่าผู้ที่มีความรู้ มาก แต่ไม่มีความสุจริต ไม่มีความบริสุทธ์ใจ -
ทำงานอย่างมีความสุข – ทำงานต้องมีความสุขด้วย ถ้าเราทำอย่างไม่มีความสุข เราจะแพ้แต่ถ้าเรามี ความสุข เราจะชนะ สนุกกับการทำงานเพียงเท่านั้น ถือว่าเราชนะแล้ว หรือจะทำงานโดยคำนึงถึงความสุ
ขที่เกิดจากการได้ทำประโยชน์ให้ กับผู้อื่นก็สามารถทำได้ -
รู้ รัก สามัคคี – รู้ คือ รู้ปัญหา และรู้วิธีแก้ปัญหานั้น, รัก คือ เมื่อเรารู้ถึงปัญหา และวิธีแก้แล้ว เราต้องมีความรัก ที่จะลงมือทำ ลงมือแก้ไขปัญหานั้น, สามัคคี คือ การแก้ไขปัญหาต่างๆ ไม่สามารถลงมือทำคนเดียวได้ ต้องอาศัยความร่วมมือ ร่วมใจกัน